วันจันทร์ที่ 13 พฤษภาคม พ.ศ. 2556


แผนการสอนตามหลักปรัญาเศรษฐกิจพอเพียง
ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้ทรงพระราชทานแก่ปวงชนชาวไทยนั้น เป็นปรัชญาการดำเนินชีวิตที่มุ่งสร้างความสมดุล และไม่ให้ตั้งอยู่ในความประมาท  ซึ่งมีความสอดคล้องกับการดูแรรักษาสุขภาพร่างกาย จิตใจ อารมณ์ สังคม และสติปัญญาของมนุษย์ด้วย ที่จะดำรงตนอยู่ในสังคมได้อย่างมีความสุข ภายใต้ 3 ห่วง 2 เงื่อนไข ดังนี้
ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง
ภายใต้ 3 ห่วง 2 เงื่อนไข
การสอนพลศึกษา เพื่อดูแลรักษาสุขภาพร่างกายและจิตใจ
โดยใช้กิจกรรมทางพลศึกษาเป็นสื่อ
1. พอประมาณ  คือ  การรู้ตน ทำสิ่งใดก็ตามให้พอเหมาะพอสมกับฐานะอัตภาพ


1.    ให้ผู้เรียนมีการพัฒนาการตามวัย    ดูแลรักษา       สุขภาพกายและจิตใจของตนเองได้
2.    ผู้เรียน สำรวจตนเองด้านการกิน อยู่ หลับนอน ออกกำลังกาย ในชีวิตประจำวันได้เหมาะสมตามสภาวะของสุขภาพที่จะเอื้ออำนวย
3.    ผู้เรียน เรียนรู้และเข้าใจถึงความผิดปกติที่เกิดขึ้นแก่ร่างกาย ทั้งที่มีเชื้อโรคเป็นสาเหตุ หรือเกิดจากความผิดปกติของร่างกายตนเองก็ตาม
4.    ผู้เรียน ปรับตัวเข้ากับสภาพของสังคมที่เปลี่ยนแปลงได้ โดยไม่ทำให้ผู้อื่นเดือดร้อนและเป็นไปตามกติกา ระเบียบสังคม
5.    ผู้เรียน รู้ถึงความบกพร่อง เกณฑ์สมรรถภาพทางกายที่เป็นอยู่ ควรได้รับการพัฒนาเสริมสร้างให้ คงสภาพ หรือการดำรงอยู่ของชีวิตที่ยืนยาว
2. มีเหตุผล    คือ  ใช้สมอง สติปัญญา คิดวิเคราะห์ ไตร่ตรอง พิจารณาทางเลือกที่เหมาะสมและดีที่สุด สำหรับตนที่จะนำพาการดำเนินชีวิตไปในทางที่ถูกต้องและนำไปสู่สิ่งที่ดีกว่า
1.    ทางด้านสุขภาพและจิตใจยังมีการหลงเชื่อในสิ่งที่ไม่ถูกต้องอีกหลายเรื่อง ดังนั้นผู้เรียนต้องใช้สมอง สติปัญญา พิจารณา ใคร่ครวญ ไตร่ตรอง อย่างมีเหตุผล เพื่อการดูแลรักษาสุขภาพตนเองได้ตามหลักวิชาการ หรือทางวิทยาศาสตร์ที่สามารถพิสูจน์ได้
  3. มีภูมิคุ้มกันในตัวที่ดี
  คือ ความไม่ประมาทในการที่จะกระทำสิ่งใดๆ ก็ตาม ต้องหามาตรการป้องกันไว้ก่อนที่จะเกิดอันตรายร้ายแรง
1.      สอดคล้องกับความปลอดภัยในการดำเนินชีวิตประจำวัน       ที่ต้องตั้งอยู่บนความไม่ประมาท ที่เกี่ยวข้องและรู้ถึงเหตุได้ชัด ด้านสุขภาพร่างกาย การออกกำลัง ต้องคำนึงถือความปลอดภัย เป็นสำคัญ ตั้งแต่สำรวจความพร้อมของร่างกาย      มีโรคประจำตัวหรือการเจ็บป่วยเดิมหรือไม่ ถ้ามีต้องปรึกษาแพทย์ก่อน หรือตรวจสอบชุดเครื่องแต่งกายให้เหมาะสมกับกีฬา

หรือการออกกำลังกายชนิดนั้น ๆ การตรวจสอบวัสดุ อุปกรณ์ที่ใช้เล่นกีฬา ออกกำลังกาย  ให้อยู่ในสภาพพร้อม    ใช้งาน ไม่เกิดอันตราย
        รวมทั้งการใช้ชีวิตประจำวัน ด้านอุบัติเหตุจากการจราจร  ความปลอดภัยในการประกอบอาชีพ โรคที่เกิดจากการทำงาน สิ่งดังกล่าวมาแล้ว ทั้งหมด ต้องมีภูมิคุ้มกัน คือ ตั้งอยู่บนความไม่ประมาท
เงื่อนไขที่สำคัญ
1. ความรู้   คือ  มนุษย์เราต้องเรียนรู้อยู่ตลอดเวลา และตลอดชีวิต ซึ่งจะทำให้มีความรอบรู้ รอบคอบ 
ระมัดระวัง  ไม่หลงเชื่ออะไรง่าย ๆ โดยต้องลงมือศึกษาให้รู้แจ้งเห็นจริงในเรื่องนั้น ๆ ก่อนที่จะลงมือทำจริง
ปลูกฝัง สร้างเจตคติที่ดีด้านคุณลักษณะ (Trait)         สุขนิสัย (Habit) ที่มีอนามัย (Hygiene) เพื่อการรักษาสุขภาพกายและจิตใจ ให้ดำรงอยู่ในสุขภาพที่สมบูรณ์ แข็งแรง ปราศจากโรคภัยไข้เจ็บรวมทั้งอยู่ร่วมกับผู้อื่นในสังคมได้อย่างมีความสุข อันมีความหมายตรงกับ   สุขภาพ (Health) อีกทั้งยังตรงกับจุดมุ่งหมายของ     การศึกษาแห่งชาติ ที่มุ่งสร้างทรัพยากรมนุษย์ให้เป็นคนดี คนเก่ง และมีความสุข เพื่อการเป็นพลเมืองดีและ   พลเมืองโลก

2.  คุณธรรม  คือ ความซื่อสัตย์สุจริต ไม่เบียดเบียนหรือเอาเปรียบผู้อื่น รู้จักแบ่งปันช่วยเหลือสังคม หรือผู้ด้อยโอกาส เมื่อเรามีมากกว่าหรือพอที่จะช่วยเหลือได้ โดยไม่ลำบากยากเข็ญ
เป็นเรื่องเกี่ยวกับการดำเนินชีวิตในสังคมให้อยู่อย่างมีความสุข โดยใช้คุณธรรมความดีงามนำหน้า เพื่อการใช้ชีวิตอยู่ในกฎ กติกา ระเบียบของสังคม เมื่อนำมาเทียบเคียงกับการจัดพลศึกษาในสถานศึกษาให้แก่      ผู้เรียน พบว่า มีการสอดแทรกและบูรณาการที่เกี่ยวกับการรู้แพ้ รู้ชนะ รู้อภัย มีน้ำใจนักกีฬา มีความสมัครสมานสามัคคี เล่นกีฬาและออกกำลังกายตามกฎ กติกา ระเบียบวิธีปฏิบัติ รวมทั้งการสร้างคุณลักษณะที่พึงประสงค์ให้ผู้เรียน   ด้านการมีวินัย ความรับผิดชอบ ซื้อสัตย์สุจริต ตรงต่อเวลา บริการผู้อื่นด้วยจิตใจที่เป็นสาธารณะ (Service mind) เป็นต้น